บัณฑิตแต่โบราณท่านกล่าวไว้น่าคิดตอนหนึ่งว่า "มีลูกไว้พึ่งพา มีศาสนาไว้พึ่งใจ" ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้ชีวิตมีที่พึ่งที่ยิดเหนี่ยว ศีลธรรมทางศาสนานั่นแหละ
คือยอดของโอสถหรืออาหารใจ
ท่านทั้งหลายอย่าเพลินแต่แสวงหาอาหารบำเรอกาย จนลืมเติมอาหารบำรุงใจ มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่า "อิ่มเพียงท้องแต่พร่องทางใจ" ตรงกันข้าม ผู้ใดฉีดวัคซีน
ทางศาสนาเข้าสู่จิตใจมาก ชีวิตก็มีความผ่องแผ้วบริสุทธิ์ ประดุจปุ๋ยที่ช่วยบำรุงชีวิตให้งอกงาม ช่วยบันดาลให้ เป็นอะไรก็ดี มีอะไรก็สวย แม้เมื่อม้วยก็สุข
ดังบทประพันธ์ที่ว่า
อยู่เรือนแคบยังดีไม่มีทุกข์ ดีกว่าคุกตะรางที่กว้างใหญ่
จนก็มีศีลธรรมประจำใจ มีหวังได้สุขาไม่ราคี
อันเงาร่มชายเรือนเหมือนสวรรค์ ต้องเสกสรรให้บริสุทธิ์ศรี
จึงจะอยู่สุขทุกทิวาและราตรี ก็ต้องมีศีลธรรมนำพาไป
จากบทความพระราชธรรมวาที
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
“ดูก่อนอานนท์ ภิกษุเหล่าใดเหล่าหนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่เราล่วงไปก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ดำรงชีวิตอยู่ ภิกษุเหล่านั้นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักอยู่เหนือความมืด....”
ตอบลบจนทสูตร มหา. สํ. (๗๓๔-๗๔๐)
ตบ. ๑๙ : ๒๑๕-๒๑๗ ตท. ๑๙ : ๒๐๓-๒๐๕
ตอ. K.S. ๕ : ๑๔๑-๑๔๓
ดีใจครับที่ท่านมีธรรมเป็นที่พึ่ง
ตอบลบดีคับ ออกแนวทางธรรม คับ สาธุ
ตอบลบ